คนไทยกิน ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ ติดอันดับโลก เศรษฐกิจดีก็ยังกิน ‘บะหมี่เกาหลี’ โตด้วย

กินเยอะจนติดอันดับ 9 ของโลก! “ซีเจ ฟู้ดส์” กางแผนบุกประเทศไทยต่อเนื่อง มอง “คนไทย” ชอบกินบะหมี่กึ่งฯ เฉลี่ย 1 คน กินไปแล้ว 55 ซอง/ปี ส่งแบรนด์ “บิบิโก รามยอน” วางขายที่แรกของโลก ตั้งเป้าทำยอดทะลุ “100 ล้านบาท”

ใครว่า คนไทยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแค่ช่วงสิ้นเดือน? เพราะแท้จริงแล้วตลาดนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี กระทั่งยักษ์อาหารเกาหลีอย่าง “ซีเจ ฟู้ดส์” (CJ Foods) ยังให้ความสนใจเข้ามาเปิดตลาดในไทย ผ่าน “บิบิโก รามยอน” แบรนด์ใหม่แกะกล่องที่ผู้บริหารบอกว่า มีขายในไทยที่แรกของโลกก่อนประเทศต้นกำเนิดอย่างเกาหลีใต้ด้วยซ้ำไป

ขณะนี้ ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทย มีมูลค่ากว่า “21,400 ล้านบาท” มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10.7% ต่อปี หากลงลึกในรายละเอียดพบว่า คนไทย 1 คน กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากถึงปีละ 55 ซอง รวมทั้งประเทศกินไปแล้ว “3,600 ล้านซอง” สูงเป็นอันดับที่ 9 ของโลก

ซึ่งภายใต้มูลค่าหมื่นล้านบาทยังเต็มไปด้วย ประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่หลากหลาย มีตั้งแต่แบรนด์โลคอลที่อยู่มานาน ไปจนถึง “พรีเมียมโคเรียน” หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสัญชาติเกาหลี ที่เข้ามาทำตลาดในไทยก่อนหน้านี้หลายค่ายด้วยกัน

“คิม ดงฮยอน” ผู้จัดการส่วนการตลาด ซีเจ ฟู้ดส์ (ไทยแลนด์) บอกว่า ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในช่วง 3-4 ปีมานี้ ถูกกำหนดเซกเมนต์ด้วยช่วงราคามากขึ้น หากไปดูหน้าเชลฟ์วางขายสินค้าจะพบว่า มีตั้งแต่ซองละ 8 บาท ไปจนถึง 65 บาท ในส่วนของตลาดพรีเมียมก็โตขึ้นมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สำหรับ “บิบิโก รามยอน” วางตัวเองอยู่ในเซกเมนต์ “พรีเมียมโคเรียน” มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจวัฒนธรรมเกาหลีผ่านซีรีส์เกาหลีและศิลปินเคป๊อป (K-POP)

ผู้บริหารบิบิโก รามยอน ขยายความเซกเมนต์ “พรีเมียมโคเรียน” ว่า สัดส่วนนี้มีการเติบโตและขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไม่ได้มีการผลิตที่ไทย สามารถนำเข้าจากประเทศต้นทางมาวางขายได้เลย จึงเป็นการง่ายต่อฝั่งผู้ผลิตเองด้วย ประกอบกับ “ซีเจ ฟู้ดส์” ไม่ได้มีแค่ “บิบิโก รามยอน” แต่ในไทยยังมีสินค้าในเครืออย่าง “กิมจิ” ที่เข้ามาเจาะตลาดก่อนหน้านั้น การมีรามยอนเพิ่มเข้ามาจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับ “ซีเจ ฟู้ดส์” เพื่อเจาะกลุ่มครบทุกเซกเมนต์มากขึ้น

เมื่อถามว่า หวั่นใจหรือไม่กับความดุเดือดในตลาด โดยเฉพาะกลุ่ม “พรีเมียมโคเรียน” ที่มี “Market Leader” ครองตลาดอยู่แล้ว ผู้บริหารเปิดเผยว่า ตนทราบดีว่าตลาดนี้มีผู้เล่นที่ทำได้ดี สิ่งที่ “บิบิโก รามยอน” มองหา คือ “The Next Category” จะทำอย่างไรให้ตลาดมีมูฟเมนต์มากขึ้น ไม่ได้มองว่า สู้กันหนักขนาดไหน ทว่า โฟกัสหลักๆ ของแบรนด์ คือตลาดนี้ยังขาดอะไร และ “บิบิโก รามยอน” จะเข้ามาเติมช่องว่างนั้นด้วยกลยุทธ์แบบไหน

“คิม ดงฮยอน” บอกว่า เมื่อพูดถึง “รามยอน” หรือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี สิ่งที่หลายคนนึกถึง คือรสชาติเผ็ดร้อนทะลุปรอท แต่รู้หรือไม่ว่า รสชาติแบบเกาหลีไม่ได้มีแค่ความเผ็ด “บิบิโก รามยอน” จึงงัดข้อสู้ศึกครั้งนี้ด้วยรสชาติที่หลากหลาย และให้กลิ่นอายแบบเกาหลีมากที่สุด รวมถึงราคาที่มั่นใจว่า “บิบิโก รามยอน” มีราคาเริ่มต้นถูกที่สุดในตลาด ขณะที่คู่แข่งเจ้าอื่นๆ ราคาเฉลี่ย 50-65 บาท/ซอง บิบิโก รามยอน สนนราคาเพียง 39 บาทเท่านั้น

“กลยุทธ์ของเรา คือการเจาะตลาดเข้าไปในเซกเมนต์นี้ มองว่า ราคาน่าจะทำให้คนอยากลองได้ง่ายขึ้น ทำให้พรีเมียมโคเรียนเซกเมนต์กว้างขึ้น แต่เราไม่ได้หวังว่า เขากินครั้งเดียวแล้วจะจบไป ถ้าดูราคาจริงๆ ก็ไม่ได้ถูกมากขนาดนั้น ยังอยู่ในเซกเมนต์พรีเมียมแต่ราคาเข้าถึงง่ายขึ้น ถ้าเทียบในตลาดเดียวกันตอนนี้เราถูกที่สุด ซึ่งตอนนี้บิบิโกเพิ่งมาเปิดตัวที่แรกที่เดียวในโลก ในอนาคตอาจจะขยายไปเปิดที่ประเทศอื่นต่อด้วย”

สำหรับเป้าหมายหลังจากนี้ของ “บิบิโก รามยอน” ตั้งเป้าเดินเกมด้วยการชูวัฒนธรรมเกาหลีเป็นแกนกลาง จากกระแสความนิยมอาหารเกาหลี ซีรีส์เกาหลี และศิลปินเคป๊อป รวมถึงการเจาะตลาดผ่าน “Emotional Benefit” วางจุดยืนเป็นโปรดักต์ที่เข้าไปเติมเต็มโมเมนต์ยามดึกเมื่อต้องหาของอร่อยหลังเลิกงาน ในอนาคตอาจมีแคมเปญสนุกๆ อย่างอีเวนต์กินรามยอนริมแม่น้ำ เหมือนกับที่เกาหลีมีวัฒนธรรมกินรามยอนริมแม่น้ำฮัน ตั้งเป้าทำรายได้ทะลุ “100 ล้านบาท” ท่ามกลางคู่แข่งบนสมรภูมิพรีเมียมโคเรียนอีก 15 ราย

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1155326