27 September 24 กรุงเทพธุรกิจ by Kanokkan
ท่องเที่ยวที่เข้าสู่ไฮซีซั่น ได้อ้าแขนรับนักเดินทางช่วงปลายปี และยังมีเทศกาลต่างๆ การเฉลิมฉลองที่จะปลุกความคึกคักให้กับผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอย
“ยูซุ กรุ๊ป” ธุรกิจร้านอาหารเครือข่ายหรือเชน ที่เข้ามาบุกตลาด 6 ปี สร้างรายได้เติบโตต่อเนื่อง โค้งท้ายปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 ยังเดินเกมรุกขยายสาขา ปั้นแบรนด์ใหม่เสิร์ฟผู้บรืโภคสายกิน
ปรมินทร์ เปรื่องเมธางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ส้มพาสุข จำกัด หรือ YUZU GROUP (ยูซุ กรุ๊ป) ผู้นำเชนร้านอาหารระดับพรีเมียม เปิดเผยว่า ยูซุ กรุ๊ป รุกธุรกิจร้านอาหารโดยเริ่มต้นจากราเมนภายใต้แบรนด์ “Yuzu Ramen” เมื่อ 5 ปีก่อน ปัจจุบันมีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอหลากหลายถึง 12 แบรนด์ ครอบคลุมอาหารประเภทต่างๆ ทั้งราเมน สุกี้ยากี้แบรนด์ Yuzu Suki เครื่องดื่ม Yuzi Honey และขนมหวาน Duri Buri น้องใหม่ล่าสุด
แผนการเปิดสาขาของบริษัทยังเดิมเกมต่อ โดยสิ้นปี 2567 คาดว่าจะมีทุกแบรนด์เปิดร้านรวมกัน 33 สาขา ซึ่ง 2 สาขาใหม่ส่งท้ายปีจะเห็นทั้งร้าน Yuzu Suki และ Yuzu Ramen ในโซนราชพฤกษ์ รับกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อสูง และเป็นการขยายทำเลให้ครอบคลุม จากเดิมที่อยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ(CBD) ทั้ง 2 ร้านใหม่ จะใช้งบลงทุนราว 20 ล้านบาทต่อสาขา
นอกจากการขยายธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย บริษัทยังมีร้านอาหารในตลาดต่างประเทศผ่านโมเดลแฟรนไชส์ อย่างกัมพูชา และเวียดนาม ที่มี 2 แบรนด์อย่าง Yuzu Omakase และ Yuzu Suki ทั้ง 2 ประเทศกำลังจะมีร้านอาหารสาขาที่ 2
ส่วนปี 2568 วางแผนจะเปิดร้านใหม่เพิ่ม 5 สาขา ซึ่งจะให้น้ำหนักกับร้านสุกี้ เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค รวมถึงมองโอกาสปั้นร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ใหม่ ที่เจาะลูกค้าวงกว้างหรือ Mass Brand
ล่าสุด บริษัทยังมีการเปิดร้านน้องใหม่ Duri Buri ร้านขนมหวาน ไอศกรีม ขายสินค้า ฯ ที่ตั้งความหวังจะปั้นให้เป็นที่นิยมของชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยิ่งกว่านั้น คือการสร้างแบรนด์ให้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย และรับประทานทุเรียนในมิติที่ต่างจากเดิมคือไปที่สวน ยิงตรงไปที่ล้งผลไม้ ทานที่บ้าน มาเป็นทานที่ร้าน รวมถึงมีภาพลักษณ์เทียบชั้นการรับประทานไข่ปลาคาร์เวียร์
“ทุเรียนเป็นผลไม้และสินค้าที่ยังไม่มีการสร้างแบรนด์ให้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ เชิดชูตาในเวทีโลก ส่วนการรับประทานยังมีความแตกต่างคือมีคนชอบและไม่ชอบ เราจึงมีโจทย์ในการสร้างแบรนด์ ทำให้ทุเรียนเป็นเหมือนปลาคาร์เวียร์ที่คนไม่ชอบทานแต่ก็รู้สึกว้าวผ่านการนำเสนอที่ทันสมัยทุกมิติ”
นอกจาก Duri Buri จะมีอาหารเมนูต่างๆแล้ว จะมีการทำสินค้าหรือนอนฟู้ด ของที่ระลึกต่างๆ เช่น หมอน เสื้อ กางเกง กระบอกน้ำและปี 2568 จะลุยอาร์ททอยส์ร่วมกับไทยแลนด์ทอยส์เอ็กซ์โปด้วย
ปี 2567 ยูซุ กรุ๊ป มองธุรกิจอาหารยังขยายตัว และไตรมาส 4 มองแรงส่งจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว นักเดินทางเข้ามาไทยและรับประทานอาหารต่างๆ ส่วนในประเทศเข้าสู่เทศกาล จะมีการเฉลิมฉลอง กระตุ้นให้คนออกมาทานอาหารนอกบ้าน สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยกรุงศรี ระบุภาพรวมอุตสาหกรรมร้านอาหารและเครื่องดื่มแนวโน้มเติบโตอยู่ที่ 4-5% มูลค่า 2.75 - 3 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากแผนตลาด ยูซุ กรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้แตะ 640 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 18% จากปี 2566 มีรายได้ 541 ล้านบาท โดยพอร์ตโฟลิโอใหญ่ ยังคงเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น แต่พยายามขยายพอร์ตให้หลากหลาย และกระจายความเสี่ยงให้สอดคล้องกับเทรนด์หรือความนิยมแต่ละช่วง พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีความมุ่งมั่นจะผลักดันรายได้ให้แตะ 1,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้าด้วย
“ยูซุ กรุ๊ป อยู่ในธุรกิจร้านอาหารที่แต่ละหมวดมีการแข่งขันสูงมากหรือเป็น Red Ocean นอกจากศึกษามองตลาดแล้ว เราเลือกทำสิ่งที่อยากทำ โฟกัสสิ่งที่ชอบ เพื่อนำเสนออาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และแบรนด์ที่แกร่ง แข็งแรงสามารถอยู่ได้ ขณะที่การรับประทานอาหารนอกบ้าน ถือเป็นรางวัลให้กับตัวเอง แม้ว่าปีนี้การทานอาหารนอกบ้านจะค่อนข้างมีความท้าทายจากกำลังซื้อผู้บริโภค ทำให้เห็นการทานบุฟเฟต์เน้นความคุ้มค่ากันค่อนอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทยังมองการเติบโต และหวังที่จะเคลื่อนยอดขายไปสู่ 1,000 ล้านบาทให้ได้”
ที่มา : ประชาชาติธรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1146322
