9 April 25 ประชาชาติธุรกิจ by Kanokkan
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เมนูเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบ-สีสัน อาทิ น้ำสับปะรดผสมแก้วมังกร, ชาไข่มุก ไปจนถึงม็อกเทลผสมเครื่องดื่มชูกำลัง กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับดึงดูดลูกค้าเจน Z, กระตุ้นยอดใช้จ่ายต่อบิล และเพิ่มอัตรากำไรของเหล่าเชนร้านฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ในสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นแมคโดนัลด์ (McDonald’s), ทาโก้ เบลล์ (Taco Bell) และชิกฟิลเล (Chick-fil-A)
โดยตามผลวิจัยของบริษัทวิจัยตลาด Datassential นั้น ฟาสต์ฟู้ดในสหรัฐกำลังเดินหน้าเพิ่มเมนูเครื่องดื่ม ตั้งแต่เมนูแปลกใหม่ที่เน้นขายความสดชื่น อย่างรีเฟรชเชอร์ (Refreshers) หรือเครื่องดื่มรสผลไม้ผสมสารสกัดจากเมล็ดกาแฟ และอากัว เฟรชคาส (Agua Frescas) หรือน้ำผลไม้ผสมน้ำ ไปจนถึงกาแฟสเปเชียลตี้แบบเย็น, ช็อกโกแลตร้อน และเครื่องดื่มชูกำลัง
กระแสการเพิ่มเมนูเครื่องดื่มนี้ เป็นไปตามเทรนด์ที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันเริ่มสนใจเครื่องดื่มอื่นนอกจากน้ำอัดลมและกาแฟกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชาไข่มุก และเดอร์ตี้โซดา (Dirty Soda) ที่เป็นการเติมน้ำเชื่อม ครีมเทียม และน้ำผลไม้เพิ่มลงในน้ำอัดลม ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมมาตั้งแต่ช่วงปี 2022 และแพร่หลายไปทั่วสหรัฐ
อีกหลักฐานที่สะท้อนความร้อนแรงของเมนูเครื่องดื่ม เห็นได้จากข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดร้านอาหาร Technomic ที่ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาร้านเครื่องดื่ม อย่าง Swig, 7 Brew Drive Thru Coffee และ Gong Cha อยู่ในกลุ่มร้านอาหารบริการด่วน 10 อันดับแรกที่เติบโตเร็วที่สุดในด้านยอดขาย
“ไมเคิล พาร์ลาเปียโน” กรรมการผู้จัดการของ Culinary Edge บริษัทที่ปรึกษาที่เคยให้คำปรึกษากับแมคโดนัลด์ อธิบายว่า เมื่อผู้บริโภคเริ่มมองหาเครื่องดื่มอื่นนอกจากโซดาแบบดั้งเดิม ก็เป็นโอกาสของผู้ประกอบการและแบรนด์ที่จะนำเสนอเมนูเครื่องดื่มที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มเจนซี (Gen Z) เป็นเป้าหมายหลักของบรรดาร้านฟาสต์ฟู้ดในกระแสเครื่องดื่มนี้ เนื่องจากเป็นคนรุ่นที่เปิดรับรสชาติใหม่ ๆ มากที่สุด ทำให้ร้านฟาสต์ฟู้ดกล้าที่จะออกจากคอมฟอร์ตโซนและนำเสนอเมนูแปลกใหม่ อาทิ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของดอกอัญชัน หรือน้ำเชื่อมส้มยูซุ
ตัวอย่างเช่น เมนูน้ำมะนาวของเวนดี้ส์ (Wendy’s) ในปัจจุบันมีทั้งรสบลูเบอรี่ทับทิม และมะม่วงสับปะรด ซึ่งเป็นสองตัวเลือกที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค
“น้ำมะนาวคราฟต์ระดับพรีเมี่ยมของเราได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้าของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคชาวฮิสแปนิกและ Gen Z” ลินด์เซย์ ราดคอสกี หัวหน้าเจ้าหน้าที่การตลาดของเวนดี้ส์สหรัฐ กล่าวในงานพบนักลงทุนเมื่อเร็ว ๆ นี้
เช่นเดียวกับแมคโดนัลด์ ซึ่งทดลองโมเดล CosMc’s ร้านที่เน้นเมนูเครื่องดื่ม ซึ่งต่อยอดกระแสนิยมใส่ไข่มุกในเครื่องดื่ม เป็นตัวเลือกส่วนผสม อย่างบลูเบอรี่อบแห้งและไข่มุกรสผลไม้ สำหรับใส่ในเมนูเครื่องดื่ม ส่วนเชค แช็ค (Shake Shack) ใส่ชิ้นกีวีเล็ก ๆ ในเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มรสสัมผัส
แม้เครื่องดื่มเหล่านี้จะมีปริมาณน้ำตาลสูง แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้บริโภครุ่นใหม่ โดย “แคลร์ คอนาแกน” นักวิเคราะห์เทรนด์และผู้อำนวยการร่วมของ Datassential อธิบายว่า วัฒนธรรมการตามใจตนเองเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือ “Little Treat” ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มอายุน้อยเลือกดื่มเครื่องดื่มน้ำตาลสูงเหล่านี้โดยไม่ติดขัด
นอกจากการดึงดูดลูกค้าแล้ว เมนูเครื่องดื่มเหล่านี้ยังเป็นตัวสร้างรายได้และกำไรอีกด้วย “แคลร์ คอนาแกน” อธิบายว่า เครื่องดื่มสร้างกำไรได้สูงและเพิ่มลงในเมนูได้ง่ายกว่ารายการอาหารใหม่ เพราะอาศัยเพียงการเปลี่ยนรสชาติน้ำเชื่อมหรือเพิ่มผงโรยด้านบน ทำให้ร้านอาหารสามารถเรียกเก็บเงินได้มากขึ้น ด้วยปริมาณที่เพิ่มเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้น้ำเชื่อมยังเก็บไว้ได้นานและจัดเก็บได้ง่ายกว่าวัตถุดิบอาหาร
ด้าน “ลิซ วิลเลียมส์” ซีอีโอของเอลพอลโล โลโค (El Pollo Loco) เชนร้านอาหารเม็กซิกัน เสริมว่า ตอนนี้ผู้บริโภคต้องการอะไรที่มากกว่าน้ำอัดลมธรรมดา ทำให้ปีนี้บริษัททุ่มเทกับนวัตกรรมเครื่องดื่มมากเป็นพิเศษจนออกมาเป็นอากัว เฟรชคาสน้ำผลไม้ผสมน้ำรสชาติต่าง ๆ รวมไปถึงในอนาคต อาจมีเมนูกาแฟฮอร์คชาทา (Horchata Coffee) กาแฟผสมฮอร์คชาทาที่เป็นเครื่องดื่มของเรา ซึ่งมีส่วนประกอบของข้าว, น้ำ, อบเชย, น้ำตาล, นม, อบเชยและวานิลลา
โดยเวนดี้ส์เป็นหนึ่งในฟาสต์ฟู้ดที่พยายามเพิ่มรายได้ด้วยเมนูเครื่องดื่ม โดย “อบิเกล พริงเกิล” ประธานของเวนดี้ส์สหรัฐ เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีลูกค้าประมาณ 30% ที่ไม่ได้สั่งเครื่องดื่มเมื่อมาทานอาหารในร้าน สะท้อนถึงโอกาสสำหรับการเติบโต
ขณะที่ทาโก้ เบลล์ให้ความสำคัญกับเมนูเครื่องดื่มเช่นกัน โดย “เทย์เลอร์ มอนต์โกเมอรี” หัวหน้าเจ้าหน้าที่การตลาดของทาโก้ เบลล์ อเมริกาเหนือ กล่าวกับนักลงทุนว่า เครื่องดื่มสามารถเป็นแม็กเนตหลักตัวใหม่ของทาโก้ เบลล์ และบริษัทเห็นโอกาสในการสร้างธุรกิจเครื่องดื่มมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธันวาคม 2024 ทาโก้ เบลล์เปิดคาเฟ่ Live Mas Cafe แห่งแรกในสาขาที่เมืองชูลาวิสตา รัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมเมนูเครื่องดื่มกว่า 30 รายการ ซึ่งช่วยให้จำนวนการใช้บริการ และยอดขายของสาขานี้เติบโตระดับดับเบิลดิจิต
หลังจากนี้ต้องจับตาดูว่า เทรนด์เครื่องดื่มนี้จะผลักดันรายได้และกำไรของบรรดาเชนฟาสต์ฟู้ดสหรัฐได้มากน้อยแค่ไหน และเทรนด์นี้จะแพร่หลายไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วยหรือไม่
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/marketing/news-1785231
