A comprehensive directory of food manufacturers, distributors and suppliers in Thailand. Find updated business information on Thailand Agri Food companies.

NEWS

    

‘รุนขนมไข่’ ขายได้มากสุดวันละ ‘1 แสนชิ้น’ โตเกิน 1,000% ทุกปี มั่นใจปีนี้แตะร้อยล้าน!

“รุนขนมไข่"

น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “ขนมไข่” ขนมที่มีส่วนผสมหลักอย่างแป้งสาลี ไข่ และน้ำตาล มาพร้อมกับสัมผัสกรอบนอกนุ่มในแต่พอดี สำหรับคนกรุงเทพฯ อาจจะคุ้นเคยกับรสชาติแบบที่เราว่ามา ทว่า “เฟิร์ส-ฐิติวุฒน์ ดำแสงสวัสดิ์” กลับไม่ได้มองเช่นนั้น ทันทีที่เด็กสงขลาคนนี้มีโอกาสเข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ได้ลิ้มรสขนมไข่ในเมืองกรุง เขาพบว่า รสชาติขนมไข่ที่สงขลาต่างจากขนมไข่ทั่วๆ ไปโดยสิ้นเชิง

“ฐิติวุฒน์” เริ่มมองเห็นโอกาสจากความพิเศษตรงนี้ ปี 2562 ในช่วงที่ทั่วโลกเกิดเหตุการณ์โรคระบาด ฐิติวุฒน์ที่ยึดอาชีพนักบินมาโดยตลอด ตัดสินใจลาออกมาเริ่มต้นขายขนมไข่อย่างจริงจัง บวกกับพื้นฐานที่เป็นคนชอบทำอาหารและขนมมาตั้งแต่เด็ก วิกฤติครั้งนี้จึงกลายเป็นประตูบานใหญ่-เปิดโอกาสให้เขาได้ทำตามความฝันอย่างที่เคยตั้งใจไว้

“ฐิติวุฒน์"

เคยคิดว่า “ขนมไข่” ที่ไหนก็เหมือนกันหมด ใช้เวลา 6 เดือนหาสูตรขนมไข่ชุ่มเนย

ที่จังหวัดสงขลา “ขนมไข่” หาได้ทั่วไปแทบทุกหัวมุมถนน ความธรรมดาสามัญเช่นนี้ทำให้ “ฐิติวุฒน์” ไม่เคยเอะใจเลยว่า สัมผัสแป้งนุ่มเคล้าเนยจะหากินได้เฉพาะจังหวัดสงขลาเท่านั้น เขาเริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า ถ้าย้อนไปราวๆ 3 ปีก่อนหน้า ไม่มีใครรู้จักคำว่า “ขนมไข่สงขลา” แม้กระทั่งคนสงขลาเอง เพราะคิดว่า ขนมไข่ที่ไหนก็รสชาติเหมือนกันหมด ซึ่งก็รวมถึงฐิติวุฒน์ที่เป็นคนจังหวัดสงขลาเองด้วย

กระทั่งได้มีโอกาสเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ จึงพบว่า รสชาติมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เริ่มมองว่า นี่คือของอร่อยที่ทรงคุณค่า จึงอยากใช้ขนมไข่เป็นสารตั้งต้นเพื่อช่วยผลักดันให้จังหวัดสงขลาเป็นตัวเลือกแรกๆ เมื่อผู้คนนึกอยากมาเที่ยวแถบภาคใต้ “ฐิติวุฒน์” ทดเรื่องนี้ไว้ในใจ จนมาเจอกับโอกาสในวิกฤติเมื่อเขาต้องลาออกจากอาชีพนักบิน เป็นช่วงนั้นเองที่เริ่มวางแผนซื้ออุปกรณ์ทำขนมมาตระเตรียมเพื่อเริ่มต้นเส้นการเป็นพ่อค้าขายขนมไข่

“ฐิติวุฒน์” ออกสตาร์ทเหมือนกับหลายๆ คน ด้วยการเปิดหาสูตรทำขนมจากกูเกิล แต่ผลปรากฏว่า สูตรที่เจอไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ แน่นอนว่า ทั้งหมดคือสูตรทำขนมไข่แบบที่เราเห็นกันตามตลาดในกรุงเทพฯ เขาจึงเปลี่ยนแผนใหม่ เริ่มจากการตื่นเช้าตระเวนชิมขนมไข่ในสงขลาทุกวัน วันละ 2-3 ร้าน อย่างน้อยๆ ในหนึ่งสัปดาห์ต้องออกไปชิม 5 วัน ทำแบบนี้ต่อเนื่องกันนานกว่า 6 เดือน กว่าจะได้สูตรขนมไข่ที่นิ่งแล้ว พอดีแล้ว โดยทุกๆ วัน “ฐิติวุฒน์” จะอัดวิดีโอระหว่างทำขนมไปด้วย เพื่อกลับมาเช็กว่า ต้องปรับอย่างไรเพื่อไม่ให้ลืมความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

เวลาผ่านไปกว่า 2 ปี กว่าจะถือกำเนิดร้านขนมไข่แห่งแรก ระหว่างนั้นแม้จะเอาจริงเอาจังกับการก่อร่างสูตรขนมไข่ แต่ “ฐิติวุฒน์” ก็หันไปลองจับธุรกิจอื่นๆ อยู่บ้าง จนสุดท้ายเมื่อโรคระบาดจบลง ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิด ผู้คนกลับมาใช้ชีวิต สูตรขนมไข่เริ่มนิ่ง ขั้นต่อไปคือการมองหาโลเกชันในการเปิดร้านสาขาแรก ความใหม่และยังไม่มีใครรู้จักทำให้การหาโลเกชันต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่สุดท้ายก็ได้ฤกษ์ลั่นระฆังสาขาแรกที่ “เดอะมอลล์ท่าพระ” พร้อมกับทุนหลักหมื่น และไม่ลืมที่จะติดป้ายหน้าร้านเพื่อให้คนผ่านไปมารับทราบว่า ร้านนี้ขายขนมไข่สงขลา

“ขนมไข่ชุ่มเนย"

เคยขายได้มากสุด “3 ล้านชิ้นต่อเดือน” เปิดมา 3 ปี โต 1,000% ตลอด

ชื่อของ “รุนขนมไข่” มาจากภาษาใต้ โดยคำว่า “รุน” มีความหมายว่า รถเข็น คนใต้จะเรียกรถเข็นว่า “รถรุน” ฐิติวุฒน์มองว่า รถเข็นขายขนมไข่คือภาพจำของคนสงขลา ซึ่งทางรุนขนมไข่ก็ได้นำรูปรถรุนมาทำเป็นโลโก้ร้านด้วย

หลังจากคำว่า “ขนมไข่สงขลา” ถูกแปะป้ายไว้หน้าร้าน คนส่วนใหญ่ที่เดินผ่านไปมาก็มักจะเกิดความสงสัยว่า ขนมไข่สงขลาคืออะไร ต่างจากขนมไข่ที่เคยกินทั่วไปหรือไม่ เมื่อสงสัยก็เริ่มเข้ามาแวะชิม เมื่อถูกปากก็เกิดการบอกต่อ โดยเฉพาะคนสงขลาที่เข้ามาบอกกับฐิติวุฒน์ว่า นี่แหละคือรสชาติแบบขนมไข่ที่สงขลาแท้ๆ

ใช้เวลาเพียง 1 ปีเศษๆ “รุนขนมไข่” ไปต่ออีก 10 สาขา โดยที่หลังจากนั้นเป็นฝั่งของแลนด์ลอร์ดเข้ามาชักชวนรุนขนมไข่ไปเปิดร้านเอง “ฐิติวุฒน์” บอกว่า ธุรกิจโตเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ แม้จะมีมากถึง 10 สาขาแล้ว แต่ขณะนั้นยังไม่มีทีมงานหลังบ้านมาช่วยแม้แต่คนเดียว จึงมีความจำเป็นต้องเลือกเฉพาะห้างที่บริหารด้วยตัวคนเดียวไหว

“ขนมไข่"

จากสาขาแรกในปี 2565 ปัจจุบัน “รุนขนมไข่” มีทั้งหมด 16 สาขา การเติบโตเป็นไปในทางบวกอย่างต่อเนื่อง โดย “ฐิติวุฒน์” บอกว่า ยอดขายเติบโต 1,000% ติดต่อกันทุกปี หากถามว่า จุดหักเลี้ยวที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จมาจากตรงไหน เขาบอกว่า รุนขนมไข่ไม่เคยเทงบไปกับการทำการตลาด เกิดจากการบอกต่อกันปากต่อปากล้วนๆ โดยเฉพาะคนสงขลาที่ได้มีโอกาสชิมก็จะทักหลังไมค์มาชื่นชมอยู่บ่อยๆ รวมถึงมีลูกค้านำไปรีวิวบน TikTok จนเกิดเป็นกระแสคิวยาวอยู่พักหนึ่ง กระทั่งร้านต้องจำกัดการซื้อ 1 คน ต่อ 1 กล่อง

“จำนวนที่เคยขายได้มากที่สุดอยู่ที่ “หลักแสนชิ้นต่อวัน” ตอนนั้นมีอยู่ทั้งหมด 8-9 สาขา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ขนมไข่สงขลาไส้เนยอยู่ในกระแส ทำให้เป็นจุดพีคของรุนขนมไข่ ทรงตัวอยู่แบบนั้นเกินครึ่งปี หลังจากนั้นพอหมดกระแสก็ดรอปลงมาบ้าง แต่ในทางกลับกัน ช่วงดรอปลงก็ยังมียอดขายสูงกว่าก่อนเกิดกระแส ถือเป็นทิศทางที่ดีทั้งที่เราไม่ได้ทำการตลาดอะไรเลย”

“ขนม"

หลังจากทำงานด้วยตัวคนเดียวมาพักใหญ่ ปลายปีที่ผ่านมา “ฐิติวุฒน์” ดึงภรรยามาช่วยดูแลส่วนหนึ่ง รวมถึงรับคนทำงานส่วน Back Office เข้ามาเสริมทัพทั้งหมด 15 คน เมื่อถามว่า จากคนที่ไม่เคยทำธุรกิจอาหารมาก่อน รับมือกับความท้าทายในสมรภูมิที่ดุเดือดเช่นนี้ได้อย่างไร “ฐิติวุฒน์” บอกว่า อาจจะเป็นเพราะตนไม่ได้เดินตามหลักนักธุรกิจ คิดแบบพ่อค้าขายขนมคนหนึ่งที่อยากเสิร์ฟขนมอร่อยๆ ให้ลูกค้ากิน ไม่ดีอย่างไร ฟีดแบ็กตรงไหน ก็พร้อมนำไปปรับปรุงเสมอ

“ผมอาจจะไม่ใช่นักธุรกิจที่เก่ง แต่กล้าพูดว่า เป็นพ่อค้าคนหนึ่งที่จริงใจกับลูกค้ามากๆ”

ปีหน้าไปต่างจังหวัด อยากแตะร้อยล้าน เสียดายที่เคยปฏิเสธดีลบ้านใหญ่ไป

สำหรับปีที่ผ่านมา “รุนขนมไข่” ปิดยอดไปราวๆ 30-40 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่า อาจไปแตะถึง “ร้อยล้านบาท” ได้สำเร็จ จากการมีทีมงานเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายสาขาที่ตั้งเป้าไว้ 10 แห่ง รวมทั้งสิ้นปีนี้จะได้เห็นรุนขนมไข่กระจายทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล 25 แห่ง ส่วนแผนในการไปต่างจังหวัดก็มองๆ ไว้เหมือนกัน โดยเกิดจากการสังเกตเห็นว่า มีลูกค้าต่างจังหวัดสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์อยู่บ้าง รวมถึงบางคนซื้อกลับไปเป็นของฝากก็มีเช่นกัน

“ฐิติวุฒน์” มองว่า ปี 2568 คงเป็นปีที่ได้ลุยงานอย่างเต็มกำลัง ส่วนในอนาคตอยากขยายให้มีครบทุกภูมิภาค ช่วงแรกอาจจะเน้นจังหวัดหัวเมืองใหญ่ไปก่อน นอกจากนี้ ความฝันในการไปต่างประเทศก็มีในใจเช่นกัน ที่ผ่านมามีนายทุนติดต่อเข้ามาบ้าง ในประเทศเองก็มี “บ้านใหญ่” เข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์ตั้งแต่ปีแรก แต่ด้วยความใหม่และยังไม่สันทัดกับระบบจึงปฏิเสธดีลไป เขาบอกว่า นึกย้อนไปก็แอบเสียดายอยู่ไม่น้อย เทียบเคียงกับปัจจุบันที่มีความพร้อมมากขึ้น หากมีทุนใหญ่ติดต่อร่วมหุ้นก็ยินดีเปิดรับ

“นอกจากการขยายสาขาและยอดขายที่ดีต่อเนื่อง หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของผมจริงๆ คือการทำให้คนหันมาสนใจและรู้จักสงขลาโดยมีขนมไข่สงขลาเป็นสื่อกลาง แม้ว่าทุกวันนี้จะมีร้านขนมไข่ลักษณะเดียวกันอีกหลายร้าน แต่ผมรู้ว่า นั่นคือหนึ่งในความสำเร็จที่ทุกๆ ร้านได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ขนมไข่สงขลาเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น มีวันนี้ได้ผมถือว่า ร้านขนมไข่ในสงขลาทุกร้านเป็นผู้มีพระคุณของผมทั้งหมด อยากให้ทุกคนรู้จักสงขลามากขึ้นตามความตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่มของผม”

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1164737